ตั้งชื่อลูกเช่นไรให้เข้าท่าเข้าทาง

 

 

ชื่อถือได้ว่าเป็นข้อสำคัญมากตั้งแต่ก่อเกิด จนกว่าหากลาจากโลกนี้ไป ชื่อของคนดีก็ยังจะคงจาลึกไว้ในความจำของมวลชน พ่อมารดาจึงต่างเตรียมการที่จะตั้งชื่อลูกน้อยของตนเองตั้งแต่ยังไม่ออกจากครรภ์เลยทีเดียว บ้างให้พระภิกษุท่านตั้งให้ บ้างให้ผู้เฒ่าผู้เฒ่าในบ้านตั้งให้ นั้นแสดงถึงความสำคัญของนามที่มีต่อมนุษย์เราเสมอมา ในการตั้งชื่อลูกในโบราณกาลเมื่อช่วงปัจจุบันได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีแบบอย่างที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในแต่ละแบบก็มีหลักยึดมั่นดำเนินการที่แปลกกันตามภูมิภาคที่อยู่ และความเชื่อถือที่พึงปฏิบัติสืบสานกันมา โดยทั้งหมดต่างปรารถนาให้เกิดความเป็นศรี เป็นที่นิยมชมชอบ และความรุ่งโรจน์รุ่งเรืองกับชีวิตของลูกหลานน้อยเอง

การกำหนดชื่อในสมัยปัจจุบัน ชื่อที่พบโดยมากจะเป็น 2 พยางค์ขึ้นไป ภาษาที่ใช้ในการกำหนดชื่อนิยมใช้บาลีสันสกฤตเป็นอย่างมาก นอกนั้นเป็นภาษาไทย และภาษาบาลีสันสกฤตผสมผสานภาษาไทย นอกจากนี้ก็ยังนิยมคัดเลือกชื่อที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนคนอื่น จึงเกิดชื่อที่มีรูปลักษณ์ทางภาษาประหลาดแตกต่าง หรือว่ามีมากมายพยางค์มากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยความสำคัญของชื่อจะลดความนิยมชื่อที่มีความหมายเป็นรูปธรรม และมีความหมายเป็นนามธรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นชื่อที่มีความสำคัญแสดงแรง ความสมบูรณ์ ชัยชนะ ความงดงาม หรือศิริมงคล สังเกตได้ว่าระหว่างแต่ละช่วงเวลาชื่อของคนไทยมีจำนวนพยางค์เพิ่มขึ้น หรือยาวขึ้น ที่มาสำคัญมาจากการพัฒนาประชาคม เมื่อหมู่ชนใหญ่ขึ้น ประชากรมากขึ้น ชื่อเสียงเรียงนามย่อมมีโอกาสซ้ำกันมากขึ้น และเนื่องจากว่าชื่อเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นในการสื่อสารให้สะดวกและถูกต้อง จึงต้องมีนามที่ชี้เฉพาะลงไปเพื่อกำหนดการเรียกขานตัวกันชัดเจนไม่ยุ่งวุ่นวาย การกำหนดชื่อให้ยาวขึ้นจึงเป็นประตูออกหนึ่ง เว้นแต่การเรียกชื่อให้ยาวขึ้นแล้ว การเรียกชื่อให้แปลกใหม่ก็เป็นอีกวิถีทางหนึ่งเพื่อหลีกหนีการตั้งชื่อซ้ำ ซึ่งพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสมัยนี้ ความสำคัญอยู่ที่จะหยิบยกลักษณะสูงศักดิ์ของผู้เป็นเจ้าของชื่อให้เป็นที่รู้จักจำได้ เช่น เสียงฉีกแนว สะกดแปลก ฯลฯ เพราะฉะนั้นถ้าแม้จะมีควาหมาย หรือไม่มีความหมายจึงไม่น่าจะถือเป็นสิ่งสำคัญ