Monthly Archives: December 2015

การแข่งขันขายถุงพลาสติกทางอุตสาหกรรมมีมากขึ้นในปัจจุบันนี้

ถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองง่ายอย่างที่คุณคิด

การขายถุงพลาสติกจัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผู้ขายมากรายผู้ผลิตมีการแข่งขันกันเองภายในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูงมาก โดยกลยุทธ์ที่สำคัญจะเป็นการแข่งขันที่มิใช่ราคาคือแข่งขันในด้านรูปแบบ ความทนทาน คุณสมบัติเฉพาะระดับเทคโนโลยีและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บางรายเน้นผลิตถุงพลาสติกที่ย่อยสลายง่าย ไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมนานหรือบางรายเน้นผลิตและขายถุงพลาสติกชนิดทนทาน สามารถนำมาใช้ซ้ำๆ ได้หลายครั้งหรือสามารถรีไซเคิลได้ดีด้วยการนำมาหลอมเป็นวัตถุดิบผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ได้ เป็นต้น นอกจากนี้การขายถุงพลาสติกยังมีแนวโน้มการแข่งขันที่มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถผลิตได้ง่าย เทคโนโลยีไม่ซับซ้อนและสามารถใช้การผลิตขนาดเล็กก็ทำได้

การเข้าสู่อุตสาหกรรมของผู้ประกอบการรายใหม่สามารถทำได้ไม่ยากนัก เนื่องจากใช้เงินลงทุนในเครื่องจักรไม่สูงทั้งด้านการผลิตและการตลาด รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ส่งผลให้มีผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อุตสาหกรรมการขายถุงพลาสติกมีการแข่งขันทั้งกับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่น ถุงกระดาษ กระสอบป่าน เป็นต้นในกรณีนี้ อุตสาหกรรมถุงพลาสติกมีความสามารถการแข่งขันที่ดีเนื่องจากขายถุงพลาสติกมีคุณสมบัติที่หลากหลายในทั้งด้านขนาด ความทนทาน ราคาและรูปแบบสีสันต่างๆ ทำให้ใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นได้ดี

เนื่องจากในประเทศไทยมีผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่เพียง 3 รายคือ บริษัทบางกอกโพลีเอทธิลีน บริษัทไทยโพลีเอทธิลีนและบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะที่ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกนั้นมีหลากหลายและปริมาณมาก จากทั้งการนำไปผลิตและขายถุงพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ทำให้ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกมีอำนาจต่อรองสูงและมักเกิดเหตุการณ์เม็ดพลาสติกขาดตลาด เนื่องจากมีผู้ผลิตมากรายและคุณภาพสินค้าที่ไม่ต่างกันมากประกอบกับธุรกิจในกลุ่มนี้ไม่มีการสร้างตราสินค้าที่จะช่วยให้เกิดความจงรักภักดีต่อยี่ห้อผู้ซื้อจึงมีอำนาจในการต่อรองราคาสูง

ประโยชน์ของเมล็ดเจียที่มีมากกว่าที่เราทราบกัน

health (5)

เมล็ดเจียมีมานานแล้วก่อนที่จะได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ (หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเมล็ดเจียคือเมล็ดแมงลัก แต่เมล็ดพืชสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันนะคะ) เชื่อกันว่าเมล็ดเจียคืออาหารหลักของชาวแอซเท็กโบราณและชาวมายา และเป็นเมล็ดพืชที่ให้พลังงานสูงมากพวกเขาจะรับประทานเมล็ดเจียก่อนที่จะทำศึกสงคราม เส้นใย 11 กรัมบวกกับโปรตีน 4.4 กรัมในเมล็ดเจียจะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักโดยทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น นอกจากนี้เมล็ดเจียยังสามารถดูดซึมน้ำได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 10 เท่า ทำให้มีสารอาหารเต็มเปี่ยมซึ่งสามารถนำไปใส่ในเครื่องดื่มสมูธตี้และขนมอบของคุณได้ แต่อย่ารับประทานมากเกินไปมิเช่นนั้นคุณสมบัติของเส้นใยอาจทำให้ท้องไส้ของคุณปั่นป่วนได้ เมล็ดเจียมีสารอาหารที่จำเป็นอย่างหนึ่งซ่อนอยู่นั่นก็คือแมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยรักษาระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลให้ต่ำอยู่เสมอ และถ้าระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำก็เป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะและเหนื่อยล้าง่าย นอกจากนี้เมล็ดเจียยังอุดมไปด้วยทริปโตเฟน (พบได้ในไก่งวงของคุณย่าในวันขอบคุณพระเจ้า) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนินและช่วยต่อสู้กับความเครียด

เมล็ดพันธุ์พืชขนาดจิ๋วเหล่านี้มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีมากกว่าในปลาแซลมอนเสียอีก แถมยังช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย ไขมันดังกล่าวจะช่วยบำรุงผิวหนัง, เส้นผมและเล็บ ที่สำคัญช่วยลดอาการอักเสบบวมแดง รวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้อีกด้วย เอาล่ะเชิญกล่าวทักทายผิวพรรณอันผ่องใสกันได้เลย การรับประทานเมล็ดเจียเพียงหนึ่งหน่วยบริโภคก็ได้รับแคลเซียมมากถึงเกือบร้อยละ 20 ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวันแล้ว (หากเทียบด้วยน้ำหนักเท่ากัน เมล็ดเจียจะมีแคลเซียมมากกว่านม) เมล็ดเจียคือทางเลือกที่วิเศษสำหรับผู้ที่ไม่ดื่มนม การได้รับแคลเซียมที่เพียงพอจะหมายถึงกระดูกและฟันที่แข็งแรง ยังไม่รวมถึงช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ผิวและความชุ่มชื้นอีกด้วย บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงแต่คราวนี้ถึงตาเมล็ดเจียออกโรงแล้ว หนึ่งหน่วยบริโภคของเมล็ดเจียประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 3 เท่า สารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อสุขภาพเนื่องจากพวกมันจะช่วยให้เซลล์ในร่างกายต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่าลืมใช้บำรุงผิวพรรณของคุณเป็นประจำทุกวันด้วยนะ) เราควรขบเคี้ยวเมล็ดพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารเหล่านี้หลังจากที่รับประทานอาหารเม็กซิกันเค็มปี๋ทำไมน่ะเหรอ เพราะสารโปแตสเซียมในเมล็ดเจียจะช่วยลดอาการบวม

การเรียน TOEFL จะความรู้และเทคนิคในการสอบภาษาอังกฤษ

images (2)

ในปัจจุบันเรียน TOEFL ก็มีหลายตัวดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเวอร์ชั่นไหนสอบก็ขอให้หารายละเอียดและข้อแตกต่างของแต่ละเวอร์ชั่นกันก่อนขอเริ่มที่เวอร์ชั่นที่เป็นที่แพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบันก่อนนะคะ เวอร์ชั่นนี้เรียกว่าเรียน TOEFL iBT (TOEFL Internet-Based Test) เป็นข้อสอบที่ต้องทำผ่านทางคอมพิวเตอร์ โดยการจัดการตัวข้อสอบจะทำผ่านระบบอินเตอร์เนต โดยข้อสอบเวอร์ชั่นนี้จะประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งระดับความยากจะเป็นระดับเดียวกับภาษาอังกฤษที่ใช้ในมหาวิทยาลัยและระยะเวลาในการสอบคือประมาณสี่ชั่วโมงครึ่ง ในเมืองไทยจะเริ่มตั้งแต่ 9.00 น. ไปจนถึงประมาณ 13.30 น.

เนื่องจากข้อสอบ iBT ได้รับการยอมรับแพร่หลายจัดว่าเป็น Global Test ดังนั้นผู้ที่จะนำผลคะแนนไปใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ รองลงมาก็จะเป็นคนที่นำคะแนนไปใช้ในการสมัครยื่นหลักสูตรนานาชาติบางแห่งในเมืองไทย นอกจากนี้ก็ยังมีที่นำไปใช้ในการขอวีซ่า ยื่นขอทุน หรือใช้ในการประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษสำหรับองค์กรต่างๆอีกด้วย แต่สำหรับในบางประเทศที่ไม่สามารถจัดสอบในระบบ iBT ได้ ก็จะมีการจัดสอบเป็นการเรียน TOEFL pBT แทน ซึ่งเวอร์ชั่นนี้จะประกอบไปด้วย 3+1 ส่วน คือ สามส่วนแรก คือ listening reading และ Structure and Written Expression และอีกหนึ่งส่วนเรียกว่าข้อสอบ TWE หรือก็คือ writing นั่นเอง ซึ่ง TWE นี้เป็นส่วนที่บังคับว่าถ้าจะสอบ pBT แล้วต้องสอบ TWE ด้วยข้อสอบใช้เวลาทั้งหมดสี่ชั่วโมง

การสอบและเรียน TOEFL เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติที่ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เพื่อนำผลคะแนนไปยื่นกับสถาบันการศึกษาที่หมายตาเอาไว้ โดยใช้เป็นส่วนหนึ่งในคุณสมบัติที่ใช้สมัครเรียนระดับต่างๆ การเรียน TOEFL ในอดีตประกอบด้วย 2 แบบ คือ สอบแบบที่ใช้กระดาษในการทำข้อสอบและการสอบที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำข้อสอบ กระทั่งปี 2005 ได้เปลี่ยนแปลงการสอบให้สอบผ่าน อินเตอร์เน็ต โดยเลิกใช้การสอบทั้ง 2 แบบ การสอบแบบ iBT TOEFL เป็นการสอบทักษะภาษาอังกฤษแบบบูรณาการ เป็นการสอบที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งการพูด ฟัง อ่าน และเขียนในการสอบ โดยการสอบแต่ละส่วนจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด ผู้สอบต้องตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด เพราะหมายความว่าเราจะตอบ พูด หรือเขียนไม่ได้เลยถ้าไม่ตั้งใจฟังตั้งแต่แรก คะแนนเต็ม 120 คะแนน